วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2555

สอบนิติกร (ข้อมูลกฎหมาย) ศาลปกครอง

สอบนิติกร (ข้อมูลกฎหมาย) ศาลปกครอง

จำหน่ายเอกสารแนวข้อสอบ นิติกร (ข้อมูลกฎหมาย) ศาลปกครอง ใหม่ล่าสุด
รวมทุกอย่างที่ออกข้อสอบ รวมแนวข้อสอบเก่าเด็ดๆๆ และข้อสอบที่ออกบ่อยมาก
ประกอบด้วย
เกี่ยวกับศาลปกครอง
แนวข้อสอบ พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
ข้อสอบ พรบ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540
ข้อสอบการเก็บรวบรวมข้อมูล
แนวข้อสอบ พรบ. ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ 2539
แนวข้อสอบวิธีพิจารณาความแพ่ง
แนวข้อสอบกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
แนวข้อสอบกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
แนวข้อสอบ พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539
ส่งเป็นไฟล์ทางอีเมล์

สามารถนำไปปริ้นเพื่นอ่านได้เลย ในราคาเพียงชุดละ 399 บาท
สั่งซื้อแนวข้อสอบแจ้งที่อีเมล์ hpongsayathanawat@gmail.com
ระบุหน่วยงานและตำแหน่งที่สอบ ราคา 399 บาท
ชำระเงินผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาย่อยมหาวิทยาลัยขอนแก่น
บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 5492022200 ชื่อบัญชี หัสพงศ์ พงศยาธนาวัฒน์
ชำระเงินแล้วโทรแจ้ง 082-1068662 หรือ แจ้งทางอีเมล์อีกครั้งว่าโอนเงินแล้ว ระบุวันที่ เวลา ยอดเงินที่โอน
www.topthaitest.com


1. ชาวบ้านนำเงินไปร่วมกันทอดผ้าป่าให้สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งเป็นจำนวน 150,000 บาท ต่อมาเงินจำนวนดังกล่าวสูญหายไป ผู้ใดต่อไปนี้เป็นผู้เสียหาย
ถ้า ก เป็นเจ้าคณะสงฆ์ ส่วน ดำ เขียว แดง เหลือง ขาว เป็นผู้ที่ ก เลือกให้เป็นกรรมการดูแลรับผิดชอบเงินดังกล่าว
ก. เจ้าคณะสงฆ์
ข. ชาวบ้านที่ร่วมทำบุญ
ค. ผู้ที่ถูกรับเลือกให้เป็นกรรมการ
ง. ข้อ ก และ ค
คำตอบ : ข้อ ง. เพราะสำนักสงฆ์มิได้มีฐานะเป็นนิติบุคคลทั้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และกฎหมายอื่น จึงไม่มีบุคคลใดเป็นผู้จัดการแทนหรือผู้แทนอื่นๆ ที่จะมีอำนาจจัดการแทนสำนักสงฆ์ได้ แต่เจ้าคณะสงฆ์ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเงินผ้าป่าที่ชาวบ้านนำไปทอดให้สำนักสงฆ์รวมทั้งผู้ที่เจ้าคณะสงฆ์เลือกให้เป็นกรรมการดูแลรับผิดชอบเงิน ต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อสำนักสงฆ์หากเงินดังกล่าวสูญหายไป เจ้าคณะสงฆ์และกรรมการดูแลเงินดังกล่าวจึงเป็นผู้เสียหาย
2. นายเสือและนายสิงห์เป็นบุตรนอกกฎหมายของนายนก นายเสืออายุ 18 ปี ส่วนนายสิงห์ อายุ 16 ปี ทั้งเป็นพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน ต่อมานายสิงห์ถูกนายมือทำร้ายจนตาย ต่อไปนี้ผู้ใด ไม่ใช่ผู้มีอำนาจจัดการแทนนายสิงห์ผู้ตาย
ก. นายนก
ข. นายเสือ
ค. ถูกทุกข้อ
ง. ไม่มีข้อถูก
คำตอบ : ข้อ ข. เพราะพี่ชายของผู้ตายมิใช่บุคคลตาม ป.วิ.อ. มาตรา 5(2.) ส่วนบิดานั้นแม้จะเป็นบิดาโดยมิชอบด้วยกฎหมายก็มีอำนาจจัดการแทนบุตรได้ เพราะกำหมายถือตามความเป็นจริงโดยสายโลหิต
3. ข้อใดเป็นหลักเกณฑ์การขอออกหมายขังผู้ต้องหา
ก. ผู้ต้องหานั้นไม่ใช่ผู้ถูกจับและมิได้มีการออกหมายจับ
ข. ต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาแล้ว
ค. ผู้ต้องหาถูกเรียกหรือเข้าหาพนักงานสอบสวนเอง
ง. ถูกทุกข้อ
คำตอบ : ข้อ ง. เพราะหลักเกณฑ์การขอออกหมายขังผู้ต้องหา มีดังนี้
1. ผู้ต้องหาถูกเรียกหรือเข้าหาพนักงานสอบสวนเอง
2. ผู้ต้องหานั้นไม่ใช่ผู้ถูกจับและมิได้มีการออกหมายจับ
3. ต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาแล้ว
4. ต้องมีเหตุที่จะออกหมายขังผู้ต้องหาได้ ตาม ป.วิ. อ. มาตรา 71
4. ความผิดฐานพรากผู้เยาว์โดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจ ผู้ใดเป็นผู้เสียหาย
ก. ผู้เยาว์
ข. บิดา
ค. มารดา
ง. ถูกทั้ง ข และ ค
คำตอบ : ข้อ ง. เพราะความผิดฐานพรากผู้เยาว์โดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยนั้น มีองคืประกอบความผิดร่วมกันระหว่างการหนึ่งว่า “ ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ... ” ซึ่งเห็นได้ว่าวัตถุแห่งการกระทำความผิดกฎหมายมาตรานี้ที่กฎหมายมุ่งคุ้มครอง คือ อำนาจปกครองของบิดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลผู้เยาว์นั่นเอง
5. ข้อใด ไม่ใช่ หลักเกณฑ์ในเรื่องผู้เสียหายร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ
ก. พนักงานอัยการยื่นฟ้องแล้ว ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ
ข. ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ทั้งคดีความผิดส่วนตัวและคดีที่มิใช่ความผิดต่อส่วนตัว
ค. ผู้เสียหายต้องยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมในระยะใดระหว่างพิจารณาก่อนศาลชั้นต้นมีคำ พิพากษา
ง. ผู้เสียหายต้องยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ในระยะใดระหว่างพิจารณาก่อนคดีเสร็จเด็ดขาด
คำตอบ : ข้อ ง. เพราะหลักเกณฑ์ในเรื่องผู้เสียหายร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ ประการหนึ่ง คือ ผู้เสียหายต้องยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ในระยะใดระหว่างพิจารณาก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ซึ่งต่างกับการที่พนักงานอัยการร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับผู้เสียหายที่จะยื่นระยะใดก็ได้ก่อนคดีเสร็จเด็ดขาดคดีเสร็จเด็ดขาด
6. ข้อใด ไม่ใช่ หลักเกณฑ์ในเรื่องการรวมพิจารณาคดีเป็นคดีเดียวกัน
ก. ต้องเป็นคดีอาญาเรื่องเดียวกัน
ข. คดีอาญาเรื่องเดียวกันนั้น ทั้งพนักงานอัยการและผู้เสียหายต่างได้ยื่นฟ้องในศาลชั้นต้นเดียวกัน หรือต่างศาลกัน
ค. ต้องสั่งรวมพิจารณาในระยะใดระหว่างพิจารณาก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา
ง. กรณีที่ยื่นฟ้องจำเลยต่างศาลกันศาลจะสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันไม่ได้เว้นแต่จะได้รับ ความยินยอมของศาลอื่นนั้นก่อน
คำตอบ : ข้อ ค. เพราะ หลักเกณฑ์ในเรื่องการรวมพิจารณาคดีเป็นคดีเดียวกัน มีดังนี้
1. ต้องเป็นคดีอาญาเรื่องเดียวกัน
2. คดีอาญาเรื่องเดียวกันนั้น ทั้งพนักงานอัยการและผู้เสียหายต่างได้ยื่นฟ้องในศาลชั้นต้นเดียวกัน หรือต่างศาลกัน
3. กรณีที่ยื่นฟ้องจำเลยต่างศาลกันศาลจะสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันไม่ได้เว้นแต่จะได้รับ ความยินยอมของศาลอื่นนั้นก่อน
4. ศาลนั้นๆ มีอำนาจสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน เมื่อศาลเห็นชอบโดยพลการ หรือโดยโจทก์ ยื่นคำร้องขอ
5. ต้องสั่งรวมพิจารณาในระยะใด ระหว่างพิจารณาก่อนมีคำพิพากษา
7. ในการงดการสอบสวนคดีอาญา มีเหตุกี่กรณี
ก. 2 กรณี
ข. 5 กรณี
ค. 3 กรณี
ง. 7 กรณี
คำตอบ : ข้อ ก. เพราะมีเหตุ 2 กรณี คือ
1. กรณีที่ผู้ต้องหาวิกลจริตให้งดการสอบสวนไว้ก่อนจนกว่าจะหาย
เมื่อสอบสวนแล้วไม่ปรากฏว่าใครเป็นคนร้าย ไม่รู้ตัวผู้ร้ายให้ปฏิบัติ ดังนี้
คดีที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ให้พนักงานสอบสวนงดการสอบสวน
คดีที่มีโทษจำคุกเกิน 3 ปี ให้พนักงานสอบสวนทำความเห็นว่าควรงดการสอบสวนแล้วส่ง พนักงานอัยการ
8. ข้อใดต่อไปนี้พนักงานสอบสวนไม่สามารถทำการสอบสวนได้
ก. ท้องที่เกิดเหตุ
ข. ท้องที่ผู้ต้องหามีที่อยู่
ค. ท้องที่ที่ผู้ต้องหาถูกจับ
ง. ท้องที่ที่ผู้เสียหายมีที่อยู่
คำตอบ : ข้อ ง. เพราะพนักงานสอบสวนสามารถทำการสอบสวนได้ 3 ท้องที่เท่านั้น คือ
1. ท้องที่เกิดเหตุ
2. ท้องที่ผู้ต้องหามีที่อยู่
3. ท้องที่ที่ผู้ต้องหาถูกจับ
9. บุคคลใดมีอำนาจสั่งโอนในเรื่องการโอนคดีในกรณีไม่ปกติ
ก. ประธานศาลชั้นต้น
ข. ประธานศาลฎีกา
ค. ประธารศาลอุทธรณ์
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
คำตอบ : ข้อ ข. เพราะการโอนคดีในกรณีที่ไม่ปกตอตาม ป.วิ.อ. มาตรา 26 คือ ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลที่มีอำนาจเหนือคดีนั้นก็เพื่อให้เรียบร้อยแต่เกิดเหตุพิเศษ เช่น จำนวนจำเลย ฐานะจำเลย ฝ่ายผู้เสียหายจึงดำเนินการขอโอนคดี ซึ่งในการโอนคดีในลักษณะนี้สามารถโอนไปที่ไหนก็ได้แต่ผู้มีอำนาจสั่งคือ ประมุขของตุลาการคือประธานศาลฎีกาเท่านั้น
10. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไป
ก. ความตายของผู้กระทำผิด
ข. ความผิดต่อส่วนตัวเมื่อถอนคำร้องทุกข์แล้ว ยอมความแล้ว
ค. เมื่อผู้ต้องหายอมชำระค่าปรับอัตราสูง สำหรับคดีที่มีโทษปรับสถานเดียว
ง. ไม่มีข้อถูก
คำตอบ : ข้อ ง. เพราะสิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไป มีได้ดังต่อไปนี้
1.ความตายของผู้กระทำผิด
2. ความผิดต่อส่วนตัวเมื่อถอนคำร้องทุกข์แล้ว ยอมความแล้ว
3. คดีอาญาเลิกกัน ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 37
4. เมื่อมีคำพิพากษาเสร็จเด้ดขาดในความผิดที่ได้ฟ้อง
11. กฎหมายห้ามมิให้ค้นในที่รโหฐาน เว้นแต่
ก. มีหมายค้นหรือมีคำสั่งของศาล
ข. มีหมายศาล
ค.ไม่มีข้อถูก
ง. ถูกทั้ง ก และ ข
คำตอบ : ข้อ ง. เพราะ ป.วิ.อ. มาตรา 92 ห้ามมิให้ค้นในที่รโหฐาน โดยไม่มีหมายค้นหรือคำสั่งของศาลเว้นแต่จะมีหมายศาลเสียก่อน
12. ข้อใดกล่าวผิดในเรื่องการถอนฟ้อง
ก. การถอนฟ้องต้องยื่นเป็นคำร้อง และศาลต้องมีคำสั่งอนุญาตไม่สามารถใช้ดุลยพินิจได้
ข. ในคดีอาญาแผ่นดิน ไม่ว่าโจทก์เป็นใครต้องถอนก่อนมีคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ค. คดีอาญาแผ่นดิน ผู้เสียหายถอนฟ้องไม่ตัดสิทธิพนักงานอัยการที่จะยื่นฟ้องใหม่
ง. ทั้งข้อ ก และ ข
คำตอบ : ข้อ ก. เพราะการถอนฟ้อง คือ การสละข้อหาในฟ้อง ต้องยื่นเป็นคำร้อง ไม่สามารถถอนด้วยวาจาได้ ซึ่งศาลจะมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตก้ได้ แล้วแต่ดุลยพินิจ ส่วนการถอนฟ้องในคดีอาญาผ่นดิน ไม่ว่าโจทก์เป็นใครต้องถอนก่อนมีคำพิพากษาศาลชั้นต้น ในคดีความผิดต่อส่วนตัว การถอนฟ้องไม่ว่าผู้ใดเป็นโจทก์ย่อมถอนฟ้องได้ก่อนคดีถึงที่สุด ในคดีอาญาแผ่นดินการที่พนักงานอัยการถอนฟ้องไม่ตัดสิทธิผู้เสียหายที่จะยื่นฟ้องใหม่ และเช่นเดียวกันผู้เสียหายถอนฟ้องก็ย่อมไม่ตัดสิทธิพนักงานอัยการที่จะยื่นฟ้องใหม่
13. ข้อใดเป็นผลของการไม่แจ้งสิทธิแก่ผู้ต้องหาในการสอบสวนปากคำ
ก. ทำให้การสอบสวนไม่ชอบ
ข. ถ้อยคำใดๆที่ผู้ต้องหาให้แก่พนักงานสอบสวนรับฟังเป็นพยานหลักฐานพิสูจน์ความผิดไม่ได้
ค. พนักงานอัยการฟ้องคดีไม่ได้
ง. ไม่มีผลใดๆทางกำหมาย
คำตอบ : ข้อ ข. เพราะผลของการไม่แจ้งสิทธิแก่ผู้ต้องหาในการสอบสวนปากคำ ทำให้ถ้อยคำใดๆที่ผู้ต้องหาให้แก่พนักงานสอบสวนรับฟังเป็นพยานหลักฐานพิสูจน์ความผิดของเขาไม่ได้ แต่ไม่มีผลถึงกับทำให้การสอบสวนไม่ชอบ พนักงานอัยการยังมีอำนาจฟ้องได้
14. ข้อใดต่อไปนี้ผิด
ก. การเปรียบเทียบคดีเป็นอำนาจของศาล
ข. การฟ้องให้กักกันเป็นอำนาจของพนักงานอัยการ
ค. การไต่สวนการตายเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวน
ง. การชันสูตรพลิกศพให้แพทย์และพนักงานสอบสวนร่วมกันชันสูตรพลิกศพ
คำตอบ : ข้อ ข้อ ค. เพราะ ป.วิ.อ. มาตรา 150 “... ถ้าเป็นกรณีความตายเกิดขึ้นโดยการกระทำของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่หรือตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ ให้พนักงานอัยการและพนักงานฝ่ายปกครองตำแหน่งตั้งแต่ระดับปลัดอำเภอหรือเทียบเท่าขึ้นไปเป็นผู้ชันสูตรพลิกศพร่วมกับพนักงานสอบสวนและแพทย์ เมื่อพนักงานสอบสวนทำสำนวนชันสูตรพลิกศพเสร็จก็ส่งสำเนาให้พนักงานอัยการ พนักงานอัยการจะทำคำร้องขอต่อศาลชั้นต้นแห่งท้องที่ที่ศพนั้นอยู่ เพื่อให้ศาลทำการไต่สวนและทำคำสั่งแสดงว่าผู้ตายคือใคร...”
15. ข้อใดไม่ใช่เหตุที่จะไม่ทำการสอบสวน
ก. เมื่อผู้เสียหายฟ้องคดีเองโดยไม่ร้องทุกข์
ข. เมื่อผู้เสียหายขอความช่วยเหลือแต่ไม่ยอมร้องทุกข์ตามระเบียบ
ค. เมื่อมีหนังสือกล่าวโทษเป็นบัตรสนเท่ห์
ง. ผู้เสียหายร้องทุกข์ด้วยวาจา
คำตอบ : ข้อ ง. เพราะคำร้องทุกข์จะเป็นหนังสือหรือร้องด้วยปากก็ได้ ซึ่งถ้าร้องด้วยปากให้พนักงานสอบสวนบันทึกและลงวันเดือนปีและลายมือชื่อผู้บันทึกผู้ร้องทุกข์ไว้ในบันทึกนั้น
สั่งซื้อแนวข้อสอบแจ้งที่อีเมล์ hpongsayathanawat@gmail.com
ระบุหน่วยงานและตำแหน่งที่สอบ ราคา 399 บาท
ชำระเงินผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาย่อยมหาวิทยาลัยขอนแก่น
บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 5492022200 ชื่อบัญชี หัสพงศ์ พงศยาธนาวัฒน์
ชำระเงินแล้วโทรแจ้ง 082-1068662 หรือ แจ้งทางอีเมล์อีกครั้งว่าโอนเงินแล้ว ระบุวันที่ เวลา ยอดเงินที่โอน
www.topthaitest.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น